กำลังมองหาขนมสำหรับร้านกาแฟอยู่หรือเปล่า?
ไม่รู้ว่าขนมและของหวานแบบไหนเหมาะจะขายในร้านกาแฟมากที่สุด?
ในบทความนี้ เราพูดถึงรายชื่อขนมที่ขายดีที่สุดในร้านกาแฟ
ตัวอย่างเช่น:
- ทีรามิสุ
- ชีสเค้ก
- ซินนามอนโรล
- เค้กต่าง ๆ
- โดนัท
นอกจากนี้ เราจะบอกสูตรพื้นฐานของขนมแต่ละรายการ ผลกำไรที่ควรได้สำหรับแต่ละรายการ และเคล็ดลับที่สามารถนำไปใช้ เพื่อให้ร้านกาแฟของคุณประสบความสำเร็จ
บทความนี้จะช่วยพัฒนาเมนูสำหรับร้านกาแฟ ปรับปรุงเมนูของหวานสำหรับร้านอาหาร และอื่น ๆ
ของหวานเหล่านี้เหมาะที่จะขายในร้านกาแฟเปิดใหม่ หรือขายโดยพ่อค้าแม่ค้าขายขนมทั่วไป
มาเริ่มกันเลย!
ทำไมต้องขายขนมในร้านกาแฟ?
ร้านกาแฟส่วนใหญ่ขายกาแฟ ซึ่ง เป็นเครื่องดื่มที่บริโภคกันทั่วโลก กาแฟมีรสชาติอร่อย ขมนิด ๆ มักบริโภคร้อน ใส่หรือไม่ใส่น้ำตาลก็ได้
เรายังสามารถซื้อชาร้อนหรือเย็นประเภทต่างๆ ได้ที่ร้านกาแฟ
และคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับเครื่องดื่มเหล่านั้นก็คือ: ขนมและของหวาน
ทำไมขนมถึงสำคัญ?
โดยทั่วไปแล้ว ร้านกาแฟมักจะเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังมองหาเครื่องดื่มคาเฟอีนเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ หาซื้อกาแฟเพื่อเติมพลังในช่วงบ่าย ไม่ต้องพูดถึง เทรนด์บรันช์ที่กำลังเติบโต
แต่พวกเขายังมองหาอาหารเช้าหรือของว่างด้วย ดังนั้น ของหวานแสนอร่อยจึงเข้ากันได้ดี โดยเฉพาะกับกาแฟหรือชาชั้นดี
การเลือกเมนูของหวานเพื่อเพิ่มลงในเมนูของร้านกาแฟมีความสำคัญต่อความพึงพอใจของลูกค้า!
เลือกขนมให้ร้านกาแฟอย่างไร?
ในการเลือกขนมที่อร่อยและเหมาะสมกับร้านกาแฟ ต้องคำนึงถึง 2 ปัจจัยหลัก
- เมนูเครื่องดื่มและของหวานที่เข้ากัน
- กำลังการผลิตและอุปกรณ์ที่มี
ด้านล่างเราจะพูดถึงปัจจัยเหล่านี้ในรายละเอียด
ของหวานต้องเข้ากับเครื่องดื่ม
ในการ ทำเมนูสำหรับร้านอาหาร ขั้นแรกต้องจับคู่เมนูอาหารกับเครื่องดื่ม จากนั้นเลือกเมนูของหวาน และสุดท้ายจึงเลือกเมนูเครื่องดื่มที่เข้ากับของหวานอีกที
ในกรณีของร้านกาแฟ เราจะพิจารณา ประเภทเครื่องดื่มที่เสิร์ฟเป็นหลัก ก่อนเลือกเมนูของหวาน
นั่นเป็นเหตุผลที่เราแนะนำให้คุณสร้างรายการเครื่องดื่มก่อน ยิ่งรายละเอียดมากยิ่งดี
ลองเขียนส่วนผสมที่ใช้ คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับรสชาติ (หวาน เปรี้ยว ขม ฯลฯ) และอื่น ๆ
หลังจากสร้างรายการแล้ว จึงทำเมนูของหวานที่ รสชาติเข้ากัน กับเครื่องดื่ม
ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มรสเปรี้ยวหรือหวานอมขม จะเข้ากันได้ดีกับขนมหวาน
ความจริงแล้ว ขั้นตอนนี้อาจไม่มีความหมายเลยก็ได้ เพราะลูกค้าแต่ละรายมักจะสั่งกาแฟและขนมตามรสนิยมของตน
อย่างไรก็ตาม การคิดถึงการเข้ากันของรสชาติจะช่วยให้คุณคิดค้นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับร้านกาแฟของคุณได้
หากไม่ต้องการคิดเรื่องการเข้ากันของรสชาติ ก็สามารถขายขนมแบบเดียวกับที่ร้านอื่น ๆ ขายก็ได้
ต้องรู้ว่าสามารถผลิตอะไรได้บ้าง
ก่อนตัดสินใจเพิ่มเมนูของหวาน ต้องมั่นใจก่อนว่า มีสูตรและ อุปกรณ์ที่จำเป็น ในการทำของหวาน
ซึ่งรวมถึง:
- อุปกรณ์การทำงาน: ตั้งแต่เตาอบขนมไปจนถึงถาดสำหรับการเตรียมแต่ละครั้ง
- ส่วนผสมที่จำเป็น
- พื้นที่การผลิต : พื้นที่ต้องเพียงพอสำหรับการทำขนม
- พื้นที่จัดเก็บ
- พื้นที่วางขาย
นอกจากนี้ ควรพิจารณาปริมาณการผลิตในแต่ละวัน และการแจกจ่ายงานให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก หากขนมมีความซับซ้อน
สุดยอดของหวานสำหรับร้านกาแฟ
เพื่อช่วยคุณตัดสินใจ เราได้เลือกขนมมา 5 รายการ ที่จะเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูในร้านกาแฟ และสามารถทำกำไรได้ง่ายขึ้น
ของหวานเหล่านี้ทำง่าย ปรับปรุงและพลิกแพลงได้ง่าย และราคาไม่แพงมากนัก
นั่นดีสำหรับร้านกาแฟเปิดใหม่ ที่มีอุปกรณ์ไม่มาก หรือมีงบประมาณที่จะลงทุนในส่วนผสมน้อย
มาดูสูตรกันเถอะ!
ทีรามิสุ
ทีรามิสุเป็นขนมอิตาเลียนที่ผสมผสานสิ่งต่าง ๆ ในโลกแห่งการทำขนมเข้าไว้ด้วยกัน
เป็นของหวานที่รู้จักกันทั่วโลกโดยเฉพาะเรื่องของความนุ่มนวล การผสมผสานของรสชาติ และสูตรที่เรียบง่าย
เราจะแบ่งปันสูตรของหวานทำง่าย ต้นทุนไม่แพง และอร่อยให้กับคุณ
จำไว้ว่า คุณสามารถปรับปรุง พัฒนา ปรับเปลี่ยน ทั้งรสชาติและการตกแต่ง ได้เสมอ เพื่อให้เป็นของหวานที่สามารถหาทานได้ที่ร้านกาแฟของคุณเท่านั้น
ทีรามิสุมีทั้งรสช็อกโกแลต รสผลไม้ และรสอื่น ๆ อีกมากมาย - จงเลือกรสที่เหมาะกับร้านของคุณที่สุด!
ส่วนผสมสำหรับเลดี้ฟิงเกอร์:
- ไข่ใบใหญ่ 3 ใบและไข่ขาว 1 ใบ
- น้ำตาล ½ ถ้วย (แบ่งเป็น 2 ส่วน)
- กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
- แป้งเอนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 หยิบมือ.
การเตรียมเลดี้ฟิงเกอร์:
- เปิดเตาอบที่ 180 ºC
- แยกไข่ขาวและไข่แดงออกเป็นสองชาม
- ใช้เครื่องผสมมือ ตีไข่ขาวกับน้ำตาล ¼ ถ้วย จนฟู
- หลังจากที่ไข่ขาวฟูแล้ว ให้เริ่มตีไข่แดงในชามอีกใบพร้อมกับน้ำตาลที่เหลือ ส่วนผสมนี้จะไม่ฟูเหมือนไข่ขาว
- เมื่อไข่ทั้งสองชามพร้อมแล้ว ให้ผสมให้เข้ากันในชามอีกใบโดยใช้ไม้พาย ค่อย ๆ คนอย่างช้า ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อากาศออกจากส่วนผสม
- ใส่แป้งและเกลือเล็กน้อยลงในส่วนผสมผ่านตะแกรง แล้วคนต่อจนแป้งทั้งหมดเข้ากัน
- ตักส่วนผสมลงในถุงบีบ ใช้หัวขนาดใหญ่ บีบเลดี้ฟิงเกอร์ลงในถาดตามขนาดที่ต้องการ วางให้แต่ละชิ้นห่างกันประมาณหนึ่งนิ้ว
- อบประมาณ 14-15 นาที เลดี้ฟิงเกอร์จะฟูและแข็งขึ้นเล็กน้อยหลังจากเย็นตัวลง
ส่วนผสมสำหรับทีรามิสุ:
- มาสคาร์โปเน่ชีส 1 ถ้วย
- กาแฟดำ 1 ถ้วย
- ไข่แดง 4 ใบใหญ่ หรือ 5 ใบเล็ก
- น้ำตาล ½ ถ้วย แบ่งเป็นสองส่วน
- วีปครีมหรือครีม ¾ ถ้วย
- เหล้ารัมหรือคอนยัค 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)
- ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
- เลดี้ฟิงเกอร์ประมาณ 30 ชิ้น
- ช็อกโกแลตปราศจากน้ำตาล 30 กรัม
การเตรียมทีรามิสุ:
- ผสมไข่แดงกับน้ำตาลครึ่งหนึ่งในชามด้วยเครื่องผสมไฟฟ้า จนเป็นเนื้อเดียวกัน
- ในชามอีกใบ ผสมครีมกับมาสคาร์โปเน่ชีสจนเนียนพอดี เมื่อเสร็จแล้ว ครีมควรสามารถแผ่ได้ง่าย
- ในชามขนาดเล็ก ผสมกาแฟกับเหล้า จากนั้นชุบเลดี้ฟิงเกอร์ในส่วนผสมนี้ ก่อนชุบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลดี้ฟิงเกอร์แข็งตัวได้ที่แล้ว - หากปรุงตามสูตรข้างต้น ควรรอประมาณ 12 ชั่วโมง
- วางเลดี้ฟิงเกอร์ที่ผ่านการชุบในถาดรองอบ สามารถใช้ถาดโลหะได้ แต่จานคริสตัลจะเหมาะกว่าสำหรับเสิร์ฟทีรามิสุ
- จัดฐานเลดี้ฟิงเกอร์โดยการวางเรียงกันไป และตัดส่วนเกินออกได้ถ้าเกิดช่องว่าง ไม่ควรมีที่ว่างระหว่างแต่ละอันมากนัก เพราะจะทำให้การเสิร์ฟยากขึ้น
- เมื่อได้ชั้นแรกแล้ว ให้ใส่มาสคาโปนชีสที่ผสมไว้ครึ่งหนึ่ง
- ทำซ้ำขั้นตอนด้านบนสำหรับชั้นที่สอง ในชั้นบนสุด สามารถสร้างลวดลายหรือใช้ครีมตกแต่งเพิ่มเติมได้
- ใส่ผงโกโก้และเพสตรี้ช็อกโกแลตขูด
และเรียบร้อย! ไม่มีใครที่เดินเข้าไปในร้านกาแฟแล้วสามารถต้านทานความน่ากินของทีรามิสุชิ้นนี้ได้
ชีสเค้ก
ชีสเค้กเป็นของหวานที่มีชื่อเสียง และมีต้นกำเนิดที่เก่ากว่าที่คุณคิด เพราะมันเกิดขึ้นเมื่อ— 4000 ปีที่แล้วในกรีซ ! หรืออย่างน้อยก็ราว ๆ นั้น
ชีสเค้กมีความเนียน นุ่ม และทานเข้ากันกับแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะกาแฟดี ๆ
อย่างไรก็ตาม ของหวานนี้เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่มีฐานลูกค้า (หรือมีทุนมากพอประมาณ) เนื่องจากเป็นหนึ่งในของหวานที่แพงที่สุดในบทความนี้
แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชีสเค้กที่ดีนั้นคุ้มค่า
ใช้สูตรด้านล่างแล้วคุณจะไม่มีทางขาดทุน!
ส่วนผสมสำหรับทำฐานชีสเค้ก:
- สำหรับฐาน ใช้ขนมปังกรอบ หรือทำแบบเดียวกันกับเลดี้ฟิงเกอร์ แต่ต้องอบให้นานขึ้นและแป้งต้องเต็มถาด
- หากใช้ขนมปังกรอบ ปริมาณที่ใช้จะต่างไปเล็กน้อย ปกติแพ็ค 250 g ก็เพียงพอสำหรับทำฐาน
- เนย ¼ ถ้วย
- น้ำตาล ¼ ถ้วย.
วิธีเตรียมฐาน:
- เปิดเตาอบที่ 180 ºC
- บดคุกกี้โดยใช้เครื่องปั่นอเนกประสงค์
- ใส่น้ำตาล
- ละลายเนย แล้วเพิ่มลงในส่วนผสม
- เทส่วนผสมลงในแม่พิมพ์ ฐานคือสิ่งสำคัญสำหรับการทำชีสเค้ก ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่เกิดช่องว่างระหว่างการเทส่วนผสม เมื่อเทเสร็จแล้วฐานต้องมีความหนาเท่ากัน สามารใช้ก้นแก้วหรือก้นถ้วยตวงช่วยทำให้ฐานมีความหนาอย่างสม่ำเสมอ
- เมื่อทำฐานที่มีความหนาเท่ากันแล้ว ให้ทำขอบที่มีความสูงประมาณ ⅓ ของความสูงกระทะ
- อบส่วนผสมนี้ประมาณ 10 นาทีแล้วปล่อยให้เย็น คุกกี้หรือแป้งแต่ละชนิดจะมีเวลาในการเซ็ตตัวต่างกัน ดังนั้น เช็คเวลาสำหรับการเซ็ตตัวของวัตถุกิบที่ใช้ให้ดี ระวังอย่าให้ขอบไหม้!
ควรทิ้งฐานนี้ไว้เป็นเวลา 1 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง
ส่วนผสมสำหรับทำชีสเค้ก:
- ครีมคัสตาร์ดชีสหรือมาสคาร์โปเน่ชีส 1 กก. (แบบก้อน) อย่าใช้ครีมชีสสเปรด- ความสม่ำเสมอไม่เหมือนกัน
- น้ำตาล 1 ถ้วย
- ครีมเปรี้ยว 1 ถ้วย
- สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- ไข่ 3 ฟอง
หมายเหตุ: ส่วนผสมทั้งหมดต้องอยู่ในอุณหภูมิห้อง
การทำชีสเค้ก:
- เปิดเตาอบที่ 180 ºC
- ใส่มาสคาร์โปเน่ชีสลงในชามใบใหญ่แล้วเติมน้ำตาล ผสมโดยใช้เครื่องผสมไฟฟ้า
- เมื่อชีสมีลักษณะคล้ายครีมและมีความเนียน ให้ใส่วานิลลาสกัด น้ำมะนาว และครีมเปรี้ยวลงไป
- ในขณะที่กำลังผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ให้เริ่มต้มน้ำ
- เมื่อทุกอย่างเข้ากันแล้ว ให้ใส่ไข่ โดยใส่ทีละฟอง เพราะถ้าใส่ไข่มากเกินไปอาจทำให้เนื้อสัมผัสของชีสเค้กเสียหายได้
- เทส่วนผสมลงในฐานในแม่พิมพ์ เทให้ส่วนผสมกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ปิดถาดด้วยแผ่นฟอยล์อลูมิเนียม — ปิดไม่ให้มีช่อง ทั้งที่ฐานและด้านข้าง!
- วางถาดลงในถาดรอง จากนั้นเทน้ำร้อนลงในถาดรอง
- อบหนึ่งชั่วโมง แนะนำให้เช็คดูหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงว่า เค้กมีสีน้ำตาลมากหรือไม่ ถ้าใช่ ให้ปิดด้านบนด้วยฟอยล์อลูมิเนียมอีกชั้น แล้ววางถาดกลับเข้าไปในเตาอบ
- พอครบชั่วโมงก็ปิดเตา ใช้ผ้าเช็ดครัวเพื่อเปิดช่องเล็ก ๆ ด้านบนถาด จากนั้นปิดฝาเตาแล้วรอ 45 นาที เมื่อครบเวลา ให้เปิดฝาเตาค้างไว้ แล้วรออีก15 นาที แล้วจึงนำชีสเค้กออกมา
- ควรรอประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนที่จะแช่เย็น สิ่งสำคัญคือต้องปล่อยให้เค้กค่อย ๆ เย็นตัวลงเอง ก่อนที่นำไปแช่เย็นเพื่อไม่ให้เค้กยุบตัวและป้องกันการแตกร้าว
เรียบร้อย! นี่เป็นสูตรง่าย ๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาได้ง่าย
ตัวอย่างเช่น ใช้คุกกี้แทนแป้ง เพิ่มการตกแต่งด้วยผลไม้ ช็อคโกแลต และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซินนามอนโรล
ซินนามอนโรลเป็นของหวานที่ถูกคิดค้นขึ้นในสวีเดน โดยการนำซินนามอนจากศรีลังกามาใช้ทำขนม เรื่องน่ารู้ก็คือ ตั้งแต่ปี 2542 วันซินนามอนโรล คือวันที่ 4 ตุลาคม
และแน่นอนว่าโรลเหล่านี้สมควรได้รับการเฉลิมฉลอง!
ซินนามอนโรลเป็นขนมปังชิ้นนุ่ม ๆ สอดไส้เนย น้ำตาล และอบเชย รสชาติอร่อย เหมาะทานคู่กับเครื่องดื่มรสขม เช่น ชาดำหรือกาแฟ
นอกจากนี้ น้ำตาลและซินนามอนในโรลยังช่วยเติมพลังงานที่ดีในการเริ่มต้นวันใหม่อีกด้วย
ต่อไปจะเป็นสูตรของซินนามอนโรลสำหรับร้านกาแฟ เชิญอ่านได้เลย!
ส่วนผสมของซินนามอนโรล:
สำหรับแป้ง:
- นม ¾ ถ้วย.
- ยีสต์ 2¼ ช้อนชา แบบที่ยังหมักไม่นานก็ได้ แบบโฮมเมดก็สามารถใช้ได้
- น้ำตาล ¼ ถ้วย.
- ไข่ 1 ฟอง
- ไข่แดง 1 ฟอง.
- เนยจืด ¼ ถ้วย (แบบที่ละลายแล้ว)
- แป้งสาลี 3 ถ้วยตวง และอีก 1 ถ้วยตวงสำหรับตกแต่ง
- เกลือ 3/4 ช้อนชา.
สำหรับไส้:
- น้ำตาลทรายแดง ⅔ ถ้วยตวง
- อบเชยป่น 1½ ช้อนโต๊ะ
- เนยจืด ¼ ถ้วย (อุณหภูมิห้อง)
สำหรับส่วนผสมสำหรับเคลือบ:
- ครีมชีส 115 กรัม แบบที่ใช้สำหรับทำขนม
- เนยจืดแบบนุ่ม 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล ¾ ถ้วย.
- กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
วิธีการทำซินนามอนโรล:
แป้งโด:
- ก่อนอื่น เริ่มด้วยการละลายเนยและอุ่นนม นมมีหน้าที่กระตุ้นยีสต์ ดังนั้น เพียงแค่อุ่นก็เพียงพอแล้ว (น้อยกว่า 45 ºC) นำออกจากแหล่งให้ความร้อนทันทีเมื่อเสร็จแล้ว
- เทนมอุ่นลงในชามแล้วใส่ยีสต์ลงไป จากนั้นผสมด้วยตะกร้อมือ
- ใส่น้ำตาล เนย (ไม่เกิน 45ºC) ไข่ และไข่แดงลงในนม ผสมทุกอย่างจนเข้ากันดี
- ใช้กระชอนใส่เกลือและแป้งสาลี (3 ถ้วย) แล้วเริ่มผสมทุกอย่างด้วยช้อนไม้
- หลังจากที่แป้งเริ่มเซ็ตตัวแล้ว ให้วางแป้งบนเคาน์เตอร์ที่สะอาดเพื่อเริ่มนวด หรือสามารถใช้เครื่องผสมเพื่อช่วยนวดแป้งได้
- นวดประมาณ 10 นาที (8 นาทีหากใช้เครื่อง) เช็คให้แน่ใจว่าแป้งเป็นเนื้อเดียวกันและไม่เหนียวเหนอะหนะ หากแป้งยังเปียกอยู่ ให้เพิ่มแป้งเล็กน้อยจนได้ความสม่ำเสมอตามต้องการ
- นำแป้งไปใส่ชามที่ทาน้ำมันพืชไว้ล่วงหน้า ปิดชามด้วยพลาสติกแรป ผ้าเช็ดครัว หรือทั้งสองอย่าง ควรรอประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้แป้งฟูขึ้นเป็นสองเท่า อาจใช้เวลาน้อยลงหากทำในสภาพแวดล้อมที่ร้อน หรือใช้ฟังก์ชันลิฟต์ในเตาอบ
- หลังจากแป้งขึ้นฟูแล้ว ให้วางแป้งโดบนเคาน์เตอร์ที่โรยแป้งไว้ล่วงหน้า จากนั้นเริ่มยืดจนได้สี่เหลี่ยมที่มีขนาดพอดี (เช่น 35 ซม. x 9 ซม.)
การใส่ไส้:
- ทาเนยที่อุณหภูมิห้อง ทาให้ทั่วแป้ง โดยเว้นระยะขอบประมาณ 1 ซม. ทาโดยไม่เว้นขอบหนึ่งด้าน
- ผสมน้ำตาล ซินนามอน และน้ำตาลทรายแดงลงในชาม แล้วโรยให้ทั่วแป้ง — อย่าลืมเว้นตรงขอบ
- หลังจากโดยทั่วแล้ว ให้ถูส่วนผสมของน้ำตาลและอบเชยเบา ๆ ด้วยมือ เพื่อให้ส่วนผสมติดกับเนื้อแป้ง
- สุดท้าย ม้วนแป้งอย่างระมัดระวังโดยเริ่มจากด้าน 9 ซม. ที่ไม่ได้เว้นขอบ เมื่อม้วนจนถึงขอบอีกฝั่ง ให้พลิกแป้งแล้วจับขอบให้แน่นเพื่อให้แป้งติดกัน ใช้ไข่แดงหรือน้ำเล็กน้อยเพื่อให้แป้งเกาะตัวกันได้ง่ายขึ้น
- ตัดแป้งตามขนาดทีต้องการ แนะนำให้ตัดโดยใช้มีดฟันปลาหรือด้ายไนล่อน หากตัดที่ระยะ 2.5 ซม. จะได้โรล 9 หรือ 10 ม้วน (ขนาดของแป้งที่แตกต่างจะตัดได้จำนวนต่างกันไป)
- วางโรลบนถาดที่ทาน้ำมันไว้ล่วงหน้า แล้วปิดฝา รอประมาณ 35 ถึง 45 นาที
- เมื่อผ่านไปประมาณ 30 นาที ให้เปิดเตาอบที่ 180 ºC
- นำโรลเข้าเตาอบเป็นเวลา 20 ถึง 23 นาที หรือจนกว่าโรลจะเป็นสีน้ำตาลทอง
- ปล่อยให้โรลพักในเตาอบประมาณ 5 นาทีก่อนนำออกจากเตา
การเคลือบ:
- สำหรับการเคลือบหรือฟรอสติ้ง เทครีมชีส น้ำตาล วานิลลา และเนยลงในชาม แล้วตีด้วยตะกร้อมือหรือเครื่องผสมจนเนียนและเป็นครีม
- ทาเคลือบในขณะที่ซินนามอนโรลยังร้อนอยู่
พร้อมเสิร์ฟ!
เค้ก
เค้กมีหลายรูปแบบและเป็นของหวานยอดนิยมทั่วโลก ไม่ว่าเค้กที่ประเทศคุณจะเป็นแบบไหน เราทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่า เค้กนั้น น่ารับประทานและอร่อย
ด้วยการผสมแป้งสาลี ไข่ ผงฟู นม น้ำตาล เกลือ และวานิลลา เราจะได้เค้กที่แสนอร่อยและขาดไม่ได้สำหรับเมนูในร้านกาแฟ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เค้กเป็นของหวานที่คนทั่วโลกนิยมทานกันมากที่สุด และมักทานในวันเกิดและงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ
ทำไมเค้กจึงควรเป็นหนึ่งในเมนูของร้านกาแฟ?
ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ข้อเดียว: ความอร่อย
บางร้านประสบความสำเร็จได้ด้วยการอบเค้กเป็นหลักด้วยซ้ำ! ทั้งนี้เนื่องจากสูตรของเค้กค่อนข้างพื้นฐาน เราสามารถปรับปรุงพลิกแพลงสูตรได้หลายร้อยหรือหลายพันสูตร โดยการเพิ่มหรือการนำส่วนผสมออกสองสามอย่าง
นอกจากนี้ การตกแต่งเค้กนั้นเป็นข้อได้เปรียบ (ทำให้มีความเป็นเอกลักษณ์) เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า
นี่คือสูตรเค้กอย่างง่าย!
ส่วนผสมเค้กพื้นฐาน:
- ไข่ 5 ฟอง
- น้ำตาล 1 ถ้วย (แบ่งเป็น 2 ส่วน)
- แป้งทำขนม 2 ถ้วย
- น้ำเปล่า 50 มล.
- น้ำมันมะกอก 25 มล.
- ผงฟู 8 กรัม
- เกลือ ½ ช้อนชา
- สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา
- ผิวมะนาว
วิธีทำ:
- เปิดเตาอบที่ 170 ºC
- แยกไข่และไข่ขาวออกเป็นสองชาม
- ใส่เกลือลงในชามไข่ขาวแล้วตีด้วยเครื่องผสมไฟฟ้า (หรือด้วยตะกร้อมือ ถ้าทำได้) หลังจากไข่ฟูหนาขึ้น ให้เติมน้ำตาลครึ่งหนึ่ง แล้วตีต่อจนได้ครีมที่เหนียวหนืด
- ใส่น้ำมัน น้ำตาล วานิลลา และผิวเลมอน ลงในไข่แดง ตีด้วยเครื่องผสมไฟฟ้าจนทุกอย่างเข้ากัน
- ผสมผงฟู เกลือ และแป้งในชามอีกใบหนึ่ง
- เพิ่มแป้งลงในส่วนผสมไข่แดง แล้วผสมรวมทุกอย่างด้วยเครื่องผสม
- ค่อย ๆ เติมไข่ขาว อย่างนุ่มนวล
- เทส่วนผสมลงในแม่พิมพ์ที่ทาไขมันไว้ล่วงหน้า ปล่อยให้ฟองอากาศลอยขึ้นมาบนผิว อย่าลืมลูบเบา ๆ 2-3 ครั้ง หากข้ามขั้นตอนนี้ เค้กอาจจะมีรูตรงกลาง
- อบเป็นเวลา 45 นาที ตรวจสอบความสุกของเค้กขั้นแรกโดยการสังเกตว่าเค้กเกิดการไหลระหว่างอบหรือไม่ ถ้าไม่ ให้ลองใช้ไม่จิ้มฟันจิ้มลงบนเค้ก ถ้าไม้จิ้มฟันเปียก อบเพิ่มอีกประมาณ 10 นาที
- ถ้าเค้กสุกแล้ว ให้นำเค้กนำออกจากเตาเพื่อตกแต่ง
เค้กจะมีความนุ่มมาก ดังนั้นให้ระมัดระวังขณะนำเค้กออกจากแม่พิมพ์
หลังจากเค้กเซ็ตตัวแล้ว สามารถตกแต่งได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นเมอแรงค์ ครีม ช็อคโกแลต ฟองดองต์ หรือผ่าครึ่งเค้กแล้วเติมไส้ลงไปก็ได้ สามารถใส่ผลไม้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ หากต้องการทำเค้กรสชาติอื่น ๆ เช่น ช็อกโกแลต คุณจะต้องปรับสูตรเล็กน้อย ฝึกฝนทำเค้กอย่างง่ายนี้ให้ชำนาญ ก่อนคิดค้นสูตรเค้กที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!
โดนัท
โดนัทเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ - หรืออย่างน้อยบางคนก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น
สองสามร้อยปีที่แล้ว โดนัทเป็นชิ้นแป้งทอดที่ไม่มีอะไรเลย
ตรงกลางมักจะดิบเนื่องจากน้ำมันไม่ได้ทำให้สุกจนทั่ว
จนกระทั่งมีคนที่มีความคิดยอดเยี่ยมในการทำตรงกลางให้เป็นรู เพื่อให้โดนัทสุกได้อย่างทั่วถึงและสมบูรณ์
ทุกวันนี้ มีโดนัทหลายร้อยชนิด ซึ่งมีวิธีการปรุงที่แตกต่างกัน ไส้หรือท็อปปิ้งแบบต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย
เราจะแบ่งปันสูตรโดนัทอย่างง่ายให้กับคุณ
โดนัทกลวงเหล่านี้เป็นของหวานที่เหมาะทานกับกาแฟ ควรเพิ่มโดนัทเข้าไปในเมนูร้านกาแฟ
ส่วนผสมสำหรับทำโดนัท:
- แป้งสาลี 1⅔ ถ้วยตวง
- ผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ
- เบกกิ้งโซดา 1/8 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 หยิบมือ
- วอลนัท 1 หยิบมือ
- เนยจืด 50 มก. (แบบนิ่ม)
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 3/4 ถ้วย
- ไข่ 2 ฟองใหญ่
- วานิลลาสกัด 1½ ช้อนโต๊ะ
- บัตเตอร์มิลค์ 3/4 ถ้วย
วิธีทำ:
- เริ่มต้นด้วยการอุ่นเตาอบไว้ที่ 215 ºC และทาแม่พิมพ์ด้วยไขมัน
- ผสมแป้ง ลูกจันทน์ ผงฟู เบกกิ้งโซดาและเกลือลงในชาม
- ในชามอีกใบ ผสมเนย น้ำมัน และน้ำตาล สามารถใช้เครื่องผสมไฟฟ้าเพื่อเร่งกระบวนการได้ เมื่อทุกอย่างเข้ากันแล้ว ใส่ไข่และวานิลลาลงไป
- จากนั้น เพิ่มหนึ่งในสามของส่วนผสมแห้งลงในส่วนผสมนี้ ตีจนเข้ากันและใส่บัตเตอร์มิลค์ครึ่งหนึ่ง ตีอีกครั้งและเพิ่มแป้งอีกสามส่วน ทำซ้ำจนแป้งผสมเข้ากันดีกับบัตเตอร์มิลค์ อย่าตีส่วนผสมนี้นานเกินไป - ไม่เป็นไรหากจะมีบางส่วนยังจับตัวเป็นก้อนบ้าง
- ตักส่วนผสมนี้ลงในถุงบีบที่มีหัวบีบใหญ่ ๆ จากนั้นจึงเริ่มบีบลงแม่พิมพ์โดนัทอย่างระมัดระวัง
- อบประมาณ 8 นาที เมื่อสิ้นสุดเวลานี้ ให้ใช้ตรวจสอบความสุกโดยไม้จิ้มฟัน - อบอีก 2 นาทีหากยังไม่สุก
และเรียบร้อย! สามารถตกแต่งโดนัทด้วยอะไรก็ได้ตามต้องการ เช่น ช็อกโกแลตชิป ครีม เมอแรงค์ ผลไม้หวาน ถั่วและคาราเมล และอื่น ๆ อีกมากมาย
สามารถทำรสชาติอื่นก็ได้ เช่น เบคอน หรือลองเติมครีม หรือจุ่มลงในซอสช็อคโกแลต เป็นต้น
ความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด!
3 เคล็ดลับเพิ่มของหวานให้เมนูร้านกาแฟ
อ่านเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อเพิ่มความแตกต่างให้กับเมนูของหวาน:
1. เพิ่มความพิเศษให้กับขนม
ไม่ว่ารสชาติของขนมจะเลิศเลอแค่ไหน หากขาดวิธีการนำเสนอที่โดดเด่นและแตกต่าง ขนมอาจไม่ดึงดูดลูกค้าเท่าที่ควร ลองคิดวิธีการนำเสนอขายขนมที่ไม่มีใครเทียบได้ เพื่อให้ขนมของคุณโดดเด่น
เพราะมันอาจทำให้ขนมของคุณถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียมากขึ้น โดยการประชาสัมพันธ์มากมายจากลูกค้า
เชิญลูกค้าแท็กโปรไฟล์ร้านเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้บริการ WiFi ฟรีในร้านของคุณ หากจำเป็น!
2. ปรับปรุงกระบวนการผลิตของขนมที่ขายดีที่สุด
ขนมที่ขายดีที่สุดอาจกลายเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้น คุณควร ปรับปรุงสิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุด
ตัวอย่างเช่น หากขายโดนัทในร้านกาแฟแล้วขายได้ดีมาก ให้ปรับพื้นที่ของร้านเบเกอรี่ ร้านขนม หรือห้องครัวให้เหมาะสมเพื่อ เตรียมโดนัทให้ได้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ปรึกษากับลูกค้า
เคล็ดลับนี้สำคัญมากกับร้านกาแฟเปิดใหม่ คือต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของลูกค้า
ลองสอบถามลูกค้าว่าขนมที่พวกเขาโปรดปรานคืออะไร โดยใช้แบบสำรวจง่าย ๆ ไม่ว่าจะผ่านโซเชียลมีเดียหรือต่อหน้า
การแคร์ความเห็นของลูกค้าจะช่วยให้คุณสามารถรวมทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการทานลงในเมนูได้
หากใช้เคล็ดลับง่าย ๆ 3 ข้อนี้ ร้านกาแฟของคุณจะก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงแน่นอน ถ้าคุณจัดการได้ดีพอ!
ของหวานในร้านกาแฟเป็นสิ่งจำเป็น
ไม่มีร้านกาแฟใดในโลกที่ไม่ขายของหวาน อาหารเช้าแบบเบา ๆ หรือทั้งสองอย่าง
นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่สามารถทำลายบรรทัดฐานนั้นได้ นั่นคือสิ่งที่ผู้คนคาดหวังก่อนที่จะเดินเข้าร้านกาแฟของคุณ
ของหวานง่าย ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือสร้างสรรค์เมนูของหวานเพื่อขายในร้านกาแฟของคุณได้ตั้งแต่เปิดร้าน
แน่นอน อาจจะต้องทำการพลิกแพลงสูตรและปรับปรุงวิธีการเตรียม เพื่อให้เกิดเอกลักษณ์ในร้านกาแฟของคุณ
รู้หรือยังว่า จะเพิ่มขนมอะไรลงในเมนูร้านกาแฟของคุณ?